วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

5 เทรนด์หลักของรูปแบบการค้าออนไลน์ (E-Commerce)

5 เทรนด์หลักของรูปแบบการค้าออนไลน์ (E-Commerce)

จะเห็นได้ว่าในปี 2013 นั้นเป็นปีที่ E-Commerce ของไทยเราเติบโตขึ้นอย่างมากครับ มีหลายปัจจัยที่ช่วยให้การเติบโตแบบก้าวกระโดด ตัวอย่างเช่น

  • ผู้ประกอบการหลากหลายธุรกิจกระโดดเข้าสู่การค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น อย่าลืมนะครับว่าคนไทยเราสมัยนี้สามารถใช้บัตรเดบิตซื้อของไลน์ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องบัตรเคดิตอย่างเดียวเหมือนสมัย 5-6 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีคนไทยถือบัตรถึง 43 ล้านใบ ดูจากประชากรทั้งหมดของประเทศแล้วถือว่า 64% เลยทีเดียว
  • การมาของโครงข่าย 3G ที่สามารถกระจายไปทั่วประเทศไทย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยทีทำให้การค้าผ่านทางออนไลน์ของไทยเติบโตมากขึ้นถึง 30%-40% จากการสำรวจในปี 2013 มาดูกันว่าปี 2014 นี้มี เทรนด์อะไรบ้างในการค้าออนไลน์ (E-commerce) ของไทยที่ควรจะรู้ไว้เพื่อเตรียมรับมือกับธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงขึ้นและแน่นอนครับนำมาปรับธุรกิจให้มีความพร้อมมากขึ้นนั้นเอง
1. M-Commerce หรือการค้าผ่านมือถือ

ในปี  2014 นี้คาดว่าจะมีคนใช้มือถือเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวเนื่องจากมือถือสมัยนี้มี Apps ที่หลากหลายและเหมาะกับการใช้งานในหลายด้าน และที่สำคัญราคาถูก บางคนอาจมีมือถืออย่างน้อย 2-3 เครื่องเลยทีเดียว ปี 2014 
มือถือจึงกลายเป็นช่องทางหลักของการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต และสะดวกต่อการซื้อขายสินค้าอีกด้วย ดังนั้นการขายสินค้าผ่านทางมือถือจึงเป็นช่องทางที่คาดว่าจะเติบโตอีก 30-40% ในช่วง 3-4 เดือนแรกของปี อย่าลืมว่าคนรับข้อมูลข่าวสารผ่านทางมือถือกันเป็นช่องทางหลักแล้ว ดังนั้นการทำการซื้อ-ขายสินค้าจึงเกิดผ่านช่องทางนี้ด้วย
2. Social Media & Mobile Chat หรือโซเชี่ยลมีเดียและโมบายแช็ท
Mobile Chat หรือที่เรียกกันว่าการส่งข้อความผ่านแอพทางมือถือนั้น กำลังได้รับความนิยมสุดในตอนนี้ครับ ประมาณว่าคนไทยเกือบ 20 ล้านคน ในเดือน ธันวาคม 2013 ใช้ LINE เป็นช่องทางในการสื่อสาร (เยอะมาก!) และน่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2014 นี้ 
และรวมถึงการใช้ Social Media ที่เติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ทำให้ช่องทางดังกล่าวกลายเป็นช่องทางให้ธุรกิจต่างๆ นำมาใช้เป็นช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อนำเสนอและขายสินค้าของตัวเอง
3. Vertical E-Commerce การค้าออนไลน์กับคนเฉพาะกลุ่ม
ปัจจุบันนี้การ ขายสินค้าออนไลน์ กำลังเติบโตขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2012 และ 2013 จึงทำให้ผู้ประกอบการเกิดการค้าขายกับตลาดที่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะมากขึ้น โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่มี internet เข้าถึง เพราะว่าต้นทุนที่ต่ำกว่าการทำการโฆษณาผ่านทางอื่นๆ
photo: enidus.com

แต่ว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้รวดเร็วและประหยัดเวลาและแน่นอนกลุ่มเป้าหมายกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้มีเว็บไซต์ขายสินค้าที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่นเว็บไซต์ขายสินค้าให้ เด็กเล็ก, สัตว์เลี้ยง, อุปกรณ์ภายในครัว, เครื่องมือแพทย์ เป็นต้น
4. Digital Content สินค้าดิจิตอล
ไม่ต้องหาซื้อสินค้าประเภทดิจิตอลตามห้างหรือร้านค้าต่างๆ อีกต่อไปและนะครับเพราะว่าริการทางออนไลน์ต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าประเภทดิจิตอล เช่นประเภทซอฟต์แวร์, แอพ, e-book, เพลง จะขายดีมากขึ้น เราจะเห็นได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าประเภทดิจิตอลมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสอง สามปีที่ผ่านมา ถ้าเราสังเกตุให้ดีว่าสินค้าประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศซะส่วนใหญ่ 
ดังนั้นจึงเป็นช่องทางและโอกาสอันดีให้คนที่จะนำสินค้าประเภทนี้มาขายผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งข้อดีคือการขายสินค้าประเภทดิจิตอลนั้นจะไม่มีค่าส่งสินค้า ช่วยลดต้นทุนอีกช่องทางหนึ่ง และที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องการสต๊อกสินค้าในร้าน เมื่อลูกค้าจ่ายเงินมาเราสามารถส่งมอบได้ทันที แค่คลิก และสามารถขายได้ทั่วโลกอีกด้วย
5. International Player ผู้เล่นจากต่างชาติจะบุกเข้ามามากขึ้น
ปีทีแล้วจะเห็นได้ว่าผู้ให้บริการการค้าออนไลน์จากต่างประเทศเริ่มบุกเข้ามาในอาเซียนมากขึ้นกว่าปี 2012 นั้นรวมถึงในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น Qoo10.my (ในเครือ ebay) หรือ taobao.com เว็บ E-Commerce ยักษ์ใหญ่ของจีน
ต่างก็เริ่มเปิดบริการขายสินค้าจากจีนตรงมายังประเทศรอบๆ เช่นในมาเลย์เซีย, สิงค์โปร์ ซึ่งแน่นอนคงจะเปิดในไทยเร็วๆนี้เป็นแน่แท้ นั้นหมายถึงเราจะต้องค้าขายกับแข่งพ่อค้าจีนที่มีราคาต้นทุนต่ำกว่าเรา ส่วนใหญ่การค้าขายจะผ่านอินเทอร์เน็ต
สิ่งเหล่านี้เราควรรู้ไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ และเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจของคุณในอนาคตนะครับ…..
ติดตามข่าสารการตลาดออนไลน์ทาง Facebook ได้ที่

https://www.facebook.com/onlineoneclick

https://www.facebook.com/ecoursethailand